ประวัติศาสตร์โลก (History world) กลายเป็นเรื่องที่สำคัญการที่เราเรียนรู้และทบทวนเรื่องราวของอดีตประวัติศาสตร์โบราณที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกนำมาซึ่งการเข้าใจที่ลึกซึ้งในความสัมพันธ์ การติดต่อสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนระหว่างสังคมและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ยุคต่างๆไม่เพียงแต่เป็นการรวบรวมเรื่องราวที่สำคัญของมนุษยชาติ แต่ยังช่วยให้เราเห็นภาพรวมของวิธีการที่เราตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ประวัติศาสตร์โลก คืออะไร

ประวัติศาสตร์โลก คือ การศึกษาเรื่องราว, เหตุการณ์, และการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ตลอดสมัยในมุมมองของโลกใบเดียว ไม่ได้ยึดติดเฉพาะในภูมิภาคหนึ่งหรือวัฒนธรรมเดียว แต่เป็นการทบทวนและศึกษาประวัติศาสตร์ในมุมมองที่กว้างขวาง, แสวงหาความสัมพันธ์, การกระทบกระทั่ง, และการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมและชุมชนต่างๆ ทั่วโลก ความรู้และความเข้าใจในประวัติศาสตร์โลกมักช่วยให้เราเข้าใจความซับซ้อนและการเชื่อมโยงของเรื่องราวต่างๆ ที่กำหนดรูปแบบของโลกปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์โลกมีความสำคัญอย่างไร
ประวัติศาสตร์โลก นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากและมีผลกระทบต่อวิธีที่เราเข้าใจและสร้างความหมายของโลกที่เราอาศัยอยู่ ดังนี้
- ความเข้าใจวัฒนธรรมต่างๆ : ศึกษาประวัติศาสตร์โลกช่วยให้เราเข้าใจวิถีชีวิต, วิธีคิด, และวัฒนธรรมของกลุ่มคนต่างๆ ทั่วโลก ช่วยให้เรามีมาตราฐานในการประเมินและเข้าใจประเด็นที่ต่างจากที่เราเคยรู้จัก
- ส่งเสริมการเข้าใจความร่วมมือและความขัดแย้ง : การรู้จักประวัติศาสตร์โลกช่วยให้เราเข้าใจเหตุผลและสาเหตุของการร่วมมือและความขัดแย้งระหว่างประเทศและวัฒนธรรม
- วิธีดูและการมองโลก : ประวัติศาสตร์โลกช่วยเปิดมุมมองที่กว้างขวางของเรา เราจึงสามารถมองเห็นเรื่องราวในมุมมองที่หลากหลายและแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น
- การสร้างความเข้าใจในระบบโลก : โลกปัจจุบันมีการเชื่อมต่อที่ซับซ้อน และประวัติศาสตร์โลกช่วยให้เราเข้าใจระบบเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการค้าโลก, การเมือง, หรือการสังคม
- พัฒนาทักษะการวิเคราะห์ : การศึกษาประวัติศาสตร์โลกช่วยเสริมสร้างทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล, การวิจารณญาณ, และการตัดสินใจ
- ความยั่งยืน: เราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดและความสำเร็จของยุคที่ผ่านมาเพื่อที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้
- สร้างการเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ: การรู้จักเรื่องราวของผู้อื่นช่วยให้เรามีความเห็นอกเห็นใจและค respect ต่อความหลากหลายของวัฒนธรรม
ประวัติศาสตร์โลกมีกี่ยุคกี่สมัย ?

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Prehistory): ป็นยุคที่มนุษย์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา ยังไม่มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ แบ่งออกเป็น 2 สมัยย่อย ได้แก่


- ยุคหินเก่า (Paleolithic Era) มนุษย์ยังใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน อาศัยล่าสัตว์และเก็บของป่าเป็นอาหาร
- ยุคหินใหม่ (Neolithic Era) มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นหลักแหล่ง รู้จักทำการเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ และประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ

ยุคโบราณ (Ancient Era) เป็นยุคที่มนุษย์มีอารยธรรมเกิดขึ้น มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ แบ่งออกเป็น 2 สมัยย่อย ได้แก่


- สมัยโบราณตอนต้น (Early Ancient Era) อารยธรรมต่างๆ เริ่มต้นก่อตัวขึ้นในหลายภูมิภาคของโลก เช่น อารยธรรมเมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมกรีก และอารยธรรมโรมัน
- สมัยโบราณตอนปลาย (Late Ancient Era) อารยธรรมต่างๆ เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด เช่น อารยธรรมกรีกคลาสสิก อารยธรรมโรมันจักรวรรดิ

ยุคกลาง (Middle Ages) ยุคกลางสามารถแบ่งออกเป็นสามช่วงเวลาหลักๆ ดังนี้



- ต้นสมัยกลาง (Early Middle Ages) ประมาณ ค.ศ. 476-1000 ช่วงเวลานี้เริ่มต้นจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก อำนาจทางการเมืองถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายอาณาจักรเล็ก ๆ อำนาจของศาสนาคริสต์มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในสังคม เศรษฐกิจเป็นแบบเกษตรกรรมเป็นหลัก
- สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ (High Middle Ages) ประมาณ ค.ศ. 1000-1300 ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูและการพัฒนาในยุโรป อำนาจของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เริ่มเข้มแข็งขึ้น การค้าขายและเศรษฐกิจขยายตัวขึ้น ศิลปวัฒนธรรมรุ่งเรือง
- ปลายสมัยกลาง (Late Middle Ages) ประมาณ ค.ศ. 1300-1500 ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งในยุโรป เกิดสงครามครูเสด กาฬโรคระบาด สงครามระหว่างอาณาจักรต่าง ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ยุคใหม่ (Modern Era) เป็นยุคที่โลกเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ แบ่งออกเป็น 2 สมัยย่อย ได้แก่


- สมัยใหม่ตอนต้น (Early Modern Era) เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป โลกเข้าสู่ยุคอาณานิคม
- สมัยใหม่ตอนปลาย (Late Modern Era) โลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
ยุคปัจจุบัน (Contemporary Era) เป็นยุคที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว เกิดปัญหาโลกร้อนและโรคระบาด
สรุป
ประวัติศาสตร์โลกเป็นการศึกษาและวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ในอดีตของมนุษยชาติทั่วโลก, ไม่จำกัดเพียงภูมิภาคเดียว แต่เป็นการมองข้ามพรมแดนและวัฒนธรรม. สิ่งนี้ช่วยให้เราเข้าใจและประเมินผลการตัดสินใจ, ความขัดแย้ง, และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอดีต และเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต. ในส essence, ประวัติศาสตร์โลกเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและเชื่อมโยงความรู้และความเข้าใจระหว่างคนในยุคปัจจุบัน.