โจรสลัด (Pirate) หมายถึงบุคคลหรือกลุ่มคนที่ทำการปล้นเรือ, แย่งทรัพย์สิน, หรือลักลอบทำร้ายชีวิตและทรัพย์ของผู้อื่นบนทะเล หรือท่าเรือ โดยไม่มีสิทธิ์หรือสนับสนุนจากรัฐบาลใดๆ

ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหันมาเป็นโจรสลัด
- ความไม่เสถียรของเศรษฐกิจ : ความยากจน, การเสียงาน, หรือการรับราชการในกองทัพเรือที่ไม่มีความเป็นธรรมส่งผลให้หลายคนเลือกทางเป็นโจรสลัด
- การแย่งชิงอำนาจทางการค้า : ประเทศต่างๆ ในยุคทองของโจรสลัดมักใช้โจรสลัดเป็นเครื่องมือในการขัดขวางหรือยับยั้งการค้าของประเทศคู่แข่ง
- ปัญหาการจัดการและความปลอดภัย : แหล่งน้ำที่กว้างขวาง และเส้นทางการค้าที่ยาวยาวทำให้ยากต่อการจัดการและความปลอดภัย

โจรสลัด (Pirate) คำว่า “โจรสลัด” เกิดขึ้นมาได้ยังไง
คำว่า “โจรสลัด” ในภาษาไทยมาจากคำว่า “สลัด” ที่หมายถึงการปล้นหรือการปล้นทรัพย์ และ “โจร” ซึ่งหมายถึงผู้ที่ทำผิดกฎหมายโดยการปล้นหรือปล้นทรัพย์. เมื่อนำสองคำนี้มาต่อกันจึงเป็นคำว่า “โจรสลัด” ที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีวิธีการหากินโดยการปล้นเรือบนทะเลหรือรุกรานเมืองริมฝั่ง.
ทั้งนี้, ความหมายและการใช้คำของ “โจรสลัด” ในบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมต่างๆ ของประเทศต่างๆ อาจแตกต่างกันออกไป แต่ในบริบททั่วไปแล้ว โจรสลัดมักถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่อาศัยการปล้นเรือเป็นหลักในการมีชีวิตรอด.
ประวัติศาสตร์ของคำว่า “โจรสลัด” ในภาษาอื่น ๆ มักเกี่ยวข้องกับความหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับการปล้นหรือการโจมตีเรือในทะเล. แต่ในบางภาษา คำที่ใช้แทน “โจรสลัด” อาจมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ในประวัติศาสตร์ของแต่ละภาษา.

ประวัติศาสตร์ของโจรสลัดเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดมากและยาวนานทั่วโลก แต่นี่คือภาพรวมสั้น ๆ ของประวัติศาสตร์โจรสลัด
- โบราณ : โจรสลัดแรกๆ มีรายงานในทวีปเมดิเตอร์เรเนียน มีข้อมูลที่ว่าคนกรีก, รูมัน, และบาร์บารีเป็นโจรสลัดเป็นเวลาหลายศตวรรษ
- ยุคสมัยกลาง : โจรสลัดมักจะเป็นกลุ่มคนที่ปล้นเรือและท่าเรือ ทางเหนือและทางออกเฉียงเหนือของยุโรป เช่น โจรสลัดวิกิงที่รุกรานยุโรปทางเหนือต่าง ๆ
- ยุคทองของโจรสลัด : ระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง 18 ซึ่งมีฐานที่ในแคริบเบียน โจรสลัดหลายๆ คนสร้างชื่อเสียงในยุคนี้ เช่น Blackbeard , Captain Kidd , และ Anne Bonny
- การสนับสนุนจากรัฐ : บางครั้งโจรสลัดได้รับการสนับสนุนแบบทางการเมืองโดยประเทศที่ต้องการขัดขวางหรือรบกับประเทศอื่น เช่น “ส่วนน้ำส่วนผ่าน” ของอังกฤษ
- การกำจัดโจรสลัด : ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 ประเทศใหญ่ ๆ เริ่มจัดการกับปัญหาโจรสลัดอย่างมากขึ้น โดยเฉพาะอังกฤษที่มีบทบาทในการกำจัดโจรสลัดในแคริบเบียน
- ยุคปัจจุบัน : โจรสลัดยังมีอยู่ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในบางพื้นที่เช่นชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก และประเทศโซมาเลีย ซึ่งเป็นข่าวที่โลกต้องเผชิญหน้าในปัจจุบัน
ความสำคัญของโจรสลัดในประวัติศาสตร์
- ยุคทองของโจรสลัด : ศตวรรษที่ 16 ถึง 18 ถือว่าเป็นยุคทองของโจรสลัด โดยเฉพาะในแคริบเบียน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักประวัติศาสตร์และสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก
- การขุดมูลประวัติศาสตร์และการค้าระหว่างทวีป : โจรสลัดมีบทบาทในการยับยั้งและแทรกแซงการค้าระหว่างประเทศ บางครั้งประเทศบางประเทศเรียกพวกเขาว่า “ส่วนน้ำส่วนผ่าน” และใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือในการทำสงครามทางการค้า
- การสื่อสารความต้องการของประชาชน : บางครั้งโจรสลัดกลายเป็นแทนของกลุ่มคนที่รู้สึกถูกทำให้เดือดร้อน และเป็นวิธีในการแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลหรือเอกชนที่เขาคิดว่าเป็นภัยต่อเขา
- การปลุกปั่นวัฒนธรรม : โจรสลัดได้รับการแสดงในหนัง ดนตรี และวรรณกรรม ทำให้เรามีภาพลักษณ์เฉพาะที่สำหรับพวกเขา และได้สร้างความประทับใจในวัฒนธรรมทั่วโลก
- การเปลี่ยนแปลงในเทคนิคการป้องกัน : ปัญหาโจรสลัดทำให้เกิดการพัฒนาในการออกแบบเรือ และเทคนิคการป้องกันเรือ อาทิ เรือที่สร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับโจรสลัด
- ยุคปัจจุบัน : ในยุคปัจจุบันโจรสลัดยังมีอยู่ โดยเฉพาะในชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก และประเทศโซมาเลีย ส่งผลกระทบต่อการค้าสากลและต้องการการตอบสนองระดับนานาชาติ
แท้จริงแล้ว, โจรสลัดได้รับความสนใจในประวัติศาสตร์เนื่องจากพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาและความท้าทายที่วิถีชีวิตทางทะเลและการค้าทะเลเอาไว้ในตัว.
เนื้อหาที่เกี่ยวกับโจรสลัด
- ยุคทองของโจรสลัด
- โจรสลัดในปัจจุบัน
- 10 อันดับโจรสลัดที่มีชื่อเสียงในอดีต
- Blackbeard (Edward Teach) (Thatch)
- Anne Bonny
- Captain Kidd (William Kidd)
- Calico Jack (John Rackham)