วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) : ในยุคกลาง โลกตะวันออกและตะวันตกถูกแยกออกจากกันโดยมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย การค้าระหว่างสองทวีปต้องอาศัยเส้นทางเดินเรือผ่านเอเชียไมเนอร์และตะวันออกกลาง ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายและค่าใช้จ่ายสูง

ในปี ค.ศ. 1497 วาสโกนักเดินเรือชาวโปรตุเกสได้รับมอบหมายจากพระเจ้ามานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกสให้ออกสำรวจเส้นทางเดินเรือจากยุโรปสู่อินเดีย โดยแล่นเรืออ้อมทวีปแอฟริกา

การเดินทางของวาสโก ดา กามา : การเดินทางเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตราย เขาต้องเผชิญกับพายุ โรคภัยไข้เจ็บ และโจรสลัด เรือของเขาต้องแล่นผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ก่อนที่จะมาถึงแหลมกู๊ดโฮป ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา
หลังจากแล่นเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮปแล้ว วาสโก ดา กามาก็มุ่งหน้าสู่อินเดีย ในที่สุด เขาก็สามารถเดินทางถึงเมืองกาลิกัต ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1498

การค้นพบเส้นทางเดินเรือรอบแอฟริกาสู่อินเดียของวาสโก ดา กามาถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โลก เป็นการเชื่อมโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การค้าระหว่างสองทวีปขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ประโยชน์ของการค้นพบเส้นทางเดินเรือนี้มีหลายประการ ประการแรก เส้นทางเดินเรือนี้ทำให้การค้าระหว่างยุโรปและเอเชียสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้การค้าระหว่างสองทวีปขยายตัวอย่างรวดเร็ว ประการที่สอง เส้นทางเดินเรือนี้ทำให้โปรตุเกสกลายเป็นมหาอำนาจทางทะเลในยุคนั้น ประการที่สาม เส้นทางเดินเรือนี้ทำให้โลกกลายเป็นโลกใบเล็กลง ผู้คนจากสองทวีปสามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันได้มากขึ้น
วาสโก ดา กามาถือเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โลก เขาเป็นคนแรกที่ค้นพบเส้นทางเดินเรือจากยุโรปสู่อินเดีย เส้นทางเดินเรือของเขาทำให้โลกทั้งสองทวีปเชื่อมต่อกัน ส่งผลให้การค้า วัฒนธรรม และความรู้ต่าง ๆ แลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว โลกจึงกลายเป็นโลกใบเล็กลง
เพิ่มเติม
จุดเริ่มต้นของการสำรวจ ในยุคใหม่คือในศตวรรษที่ 15
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบอเมริกาในปี 1492
อเมริกุส เวสปุชชี (Amerigo Vespucci) ตั้งชื่อดินแดนใหม่นี้ว่า “อเมริกา“
เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน คนแรกที่เดินเรือรอบโลก